เมรุปลอดมลพิษ ละสังขารรักษ์สิ่งแวดล้อม
Call Number: INDEX Material type: ArticleSubject(s): SCI-TECH | เมรุ | สุสานและฌาปนสถาน In: วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมไทย ปีที่ 13 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ตุลาคม 2542) หน้า 28-30Summary: หลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2542 ให้ทุกวัดที่มีเตาเผาศพ หรือ เมรุ ต้องหันมาใช้น้ำมันเท่านั้น เพื่อลดปัญหาสร้างมลพิษในอากาศ หน่วยงานที่จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบการดำเนินการเตาเผาศพใช้น้ำมันนี้ คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด สำหรับบางวัดที่ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนยังผ่อนผันให้เผาเปลือยต่อไปได้ (มีต่อ)Summary: อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานคร ได้เปิดกองทุนเพื่อการกู้ยืมไปปรับปรุงเตาเผา ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้มาจากการบริจาคจากประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างระเบียบเพื่อการกู้ยืม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้กู้ยืมได้ในปลายปี 2542 นี้ การที่กรุงเทพมหานครเปิดให้มีกองทุนดังกล่าว ก็เพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการลดมลพิษอันเนื่องมาจากการเผาศพ โดยให้ปลอดทั้งกลิ่น และทั้งควัน เพื่อเป็นสาธารณกุศลให้กับศพผู้ยากไร้ และเปิดโอกาสให้วัดอื่นๆ ที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนเมรุเข้ามาศึกษาเตาเผาศพต้นแบบ ที่ทางกรุงเทพมหานครลงทุนให้หลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2542 ให้ทุกวัดที่มีเตาเผาศพ หรือ เมรุ ต้องหันมาใช้น้ำมันเท่านั้น เพื่อลดปัญหาสร้างมลพิษในอากาศ หน่วยงานที่จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบการดำเนินการเตาเผาศพใช้น้ำมันนี้ คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด สำหรับบางวัดที่ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนยังผ่อนผันให้เผาเปลือยต่อไปได้ (มีต่อ)
อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานคร ได้เปิดกองทุนเพื่อการกู้ยืมไปปรับปรุงเตาเผา ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้มาจากการบริจาคจากประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างระเบียบเพื่อการกู้ยืม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้กู้ยืมได้ในปลายปี 2542 นี้ การที่กรุงเทพมหานครเปิดให้มีกองทุนดังกล่าว ก็เพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการลดมลพิษอันเนื่องมาจากการเผาศพ โดยให้ปลอดทั้งกลิ่น และทั้งควัน เพื่อเป็นสาธารณกุศลให้กับศพผู้ยากไร้ และเปิดโอกาสให้วัดอื่นๆ ที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนเมรุเข้ามาศึกษาเตาเผาศพต้นแบบ ที่ทางกรุงเทพมหานครลงทุนให้