ชีวิตที่สองของพลาสติก การกลับคืนเพื่อความยั่งยืนของชีวิตแวดล้อม / พรพิศ ดาษดื่น
Call Number: INDEX Material type:
ArticleSubject(s): SCI-TECH | อุตสาหกรรมพลาสติก
In:
พลาสติก ปีที่ 16 ฉบับที่ 2 (มีนาคม-เมษายน 2543) หน้า 16 - 17Summary: การค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเมื่อปีพุทธศักราช 2513 ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยวัตถุประสงค์ที่ว่า เราต้องการใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติมากกว่าเป็นแค่เพียงพลังงานเชื้อเพลิง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจึงถือกำเนิดขึ้น และสิ่งที่เกิดตามมาคือ การขยายรากฐานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการอันซับซ้อนของผู้บริโภค ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมยาง อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมผงซักฟอกและสารเคลือบผิว รวมทั้งอุตสาหกรรมขึ้นรูปพลาสติกต่างๆ (มีต่อ)Summary: ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ใช้วัตถุดิบคือ กากน้ำมันในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยทั่วไปน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะประกอบไปด้วยธาตุไฮโดรเจนและคาร์บอน เรียกรวมกันว่าสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจะประกอบด้วยก๊าซมีเทน อีเทน โพรเพน บิวเทน ซึ่งสารประกอบเหล่านี้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการประกอบการของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต่างๆ ซึ่งแบ่งตามขั้นตอนการผลิตได้ดังนี้ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น ทำหน้าที่ผลิตสารเคมี (มีต่อ)Summary: ขั้นต้นจากวัตถุดิบอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ขั้นกลางเป็นอุตสาหกรรมที่นำสารที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นมาผลิตเป็นสารปิโตรเคมีขั้นกลาง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลาย เป็นอุตสาหกรรมที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชิ้นงานพลาสติก สิ่งทอ ยางรถยนต์และผงซักฟอก เรซินสังเคราะห์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางมีความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกอย่างมาก นอกจากนี้เรซินสังเคราะห์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีสามารถแบ่งออกเป็น 2ประเภทใหญ่ๆ (มีต่อ)Summary: คือ 1.เรซินแบบหลอมตัวด้วยความร้อน จะหลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อนและจะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิเย็นลง 2.เรซินแบบแข็งตัวด้วยความร้อน สามารถทำให้แข็งตัวตามรูปทรงได้ตามต้องการด้วยความร้อนและจะมีความคงรูปสูง ไม่สามารถหลอมเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้อีก เม็ดเรซินสังเคราะห์เหล่านี้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการขึ้นรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปแบบฉีดเข้าไปในแม่แบบ การขึ้นรูปแบบขับดัน การขึ้นรูปแบบเป่ากลวง การขึ้นรูปแบบเป่าพอง การขึ้นรูปแบบสุญญากาศ การขึ้นรูปแบบอัด และการขึ้นรูปแบบหมุนหล่อ เพื่อผลิตภัณฑ์หลากหลายสำหรับรองรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
การค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเมื่อปีพุทธศักราช 2513 ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปด้วยวัตถุประสงค์ที่ว่า เราต้องการใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติมากกว่าเป็นแค่เพียงพลังงานเชื้อเพลิง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจึงถือกำเนิดขึ้น และสิ่งที่เกิดตามมาคือ การขยายรากฐานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการอันซับซ้อนของผู้บริโภค ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมยาง อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมผงซักฟอกและสารเคลือบผิว รวมทั้งอุตสาหกรรมขึ้นรูปพลาสติกต่างๆ (มีต่อ)
ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ใช้วัตถุดิบคือ กากน้ำมันในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยทั่วไปน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะประกอบไปด้วยธาตุไฮโดรเจนและคาร์บอน เรียกรวมกันว่าสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจะประกอบด้วยก๊าซมีเทน อีเทน โพรเพน บิวเทน ซึ่งสารประกอบเหล่านี้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการประกอบการของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต่างๆ ซึ่งแบ่งตามขั้นตอนการผลิตได้ดังนี้ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น ทำหน้าที่ผลิตสารเคมี (มีต่อ)
ขั้นต้นจากวัตถุดิบอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ขั้นกลางเป็นอุตสาหกรรมที่นำสารที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นมาผลิตเป็นสารปิโตรเคมีขั้นกลาง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลาย เป็นอุตสาหกรรมที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชิ้นงานพลาสติก สิ่งทอ ยางรถยนต์และผงซักฟอก เรซินสังเคราะห์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางมีความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกอย่างมาก นอกจากนี้เรซินสังเคราะห์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีสามารถแบ่งออกเป็น 2ประเภทใหญ่ๆ (มีต่อ)
คือ 1.เรซินแบบหลอมตัวด้วยความร้อน จะหลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อนและจะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิเย็นลง 2.เรซินแบบแข็งตัวด้วยความร้อน สามารถทำให้แข็งตัวตามรูปทรงได้ตามต้องการด้วยความร้อนและจะมีความคงรูปสูง ไม่สามารถหลอมเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้อีก เม็ดเรซินสังเคราะห์เหล่านี้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการขึ้นรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปแบบฉีดเข้าไปในแม่แบบ การขึ้นรูปแบบขับดัน การขึ้นรูปแบบเป่ากลวง การขึ้นรูปแบบเป่าพอง การขึ้นรูปแบบสุญญากาศ การขึ้นรูปแบบอัด และการขึ้นรูปแบบหมุนหล่อ เพื่อผลิตภัณฑ์หลากหลายสำหรับรองรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน