วิสัยทัศน์ SME ยุคสหัสวรรสใหม่ เน้นวางแผนบริหารเข้ากลยุทธ์ / สุภัทรา ภิญโญกิตติกุล

By: สุภัทรา ภิญโญกิตติกุลCall Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): SCI-TECH | ธุรกิจ SME | การบริหารเชิงกลยุทธ์ In: ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ปีที่ 7 ฉบับที่ 4 (พฤษภาคม - มิถุนายน 2543) หน้า 58-62Summary: ปัจจุบันสภาพแวดล้อมที่จะเป็นปัจจัยเอื้ออำนวยในการทำภาระกิจได้เปลื่ยนโฉมอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสเศรษฐกิจโลกและได้สร้างแรงกดดันให้ธุรกิจได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้ ที่ต้องประคับประคองธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดกับความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้น ในสหัสวรรษแห่งดิจิตอล ซึ่งทุกอย่างถูกกำหนดด้วยเวลา โดยใช้แนวทางบริหารจัดการ หรือการบริหารเชิงกลยุทธ์ มาช่วยเพิ่มสมรรถภาพการแข่งขันขององค์กรโดยเฉพาะธุรกิจ SME (มีต่อ)Summary: เนื่องจากเป็นสายเลือดใหญ่ในการพัฒนาประเทศซึ่งอุตสหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม SME กำลังเผชิญปัญหา จำนวนคู่แข่งและสินค้าล้นตลาด ดังนั้นธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถขององค์กรต่างๆ ในการคิดบริหารสถานการณ์ของการแข่งขัน เพื่อรับมือต่อสู้ตลาดโลกไร้พรมแดน ทั้งในเรื่องการทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำและคุณภาพสูงทั้งนี้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ต้องรู้จักหัดวางแผนเฃิงกลยุทธ์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกับการวางแผนโดยทั่วไป (มีต่อ)Summary: กล่าวคือ ผู้ประกอบการต้องมีความรู้เกื่ยวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคม การเมือง อุตสกรรมตลอดจนคู่แข่งที่ส่งผลกระทบทางธุรกิจในลักษณะที่เป็นทั้งโอกาสและภยันอันตราย การบริหารเชิงกลยุทธ์จะประสบความสำเร็จ หมายถึงการมีทิศทาง หรือแผนกลยุทธ์ที่ดีมีความเหมาะสม ทั้งในด้านสาระเรื่องเวลา และตั้งอยู่ในพื้นฐานแห่งความชำนาญของตัวเองเป็นที่ตั้ง (มีต่อ)Summary: ทั้งนี้กุญแจหลักที่เป็นตัวกำหนดให้การบริหารเชิงกลยุทธ์ประสบความสำเร็จอยู่ที่นักวางแผนกลยุทธ์ที่ดี ซึ่งจะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ และสามารถจะปฎิบัติให้เป็นรูปธรรมในเวลาเดียวกัน ควบคู่กับการมีบริษัทที่ดีมีแผนกลยุทธ์ และมีแนวทางการปฎิบัติเหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นไปได้ เพื่อนำธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

ปัจจุบันสภาพแวดล้อมที่จะเป็นปัจจัยเอื้ออำนวยในการทำภาระกิจได้เปลื่ยนโฉมอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสเศรษฐกิจโลกและได้สร้างแรงกดดันให้ธุรกิจได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้ ที่ต้องประคับประคองธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดกับความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้น ในสหัสวรรษแห่งดิจิตอล ซึ่งทุกอย่างถูกกำหนดด้วยเวลา โดยใช้แนวทางบริหารจัดการ หรือการบริหารเชิงกลยุทธ์ มาช่วยเพิ่มสมรรถภาพการแข่งขันขององค์กรโดยเฉพาะธุรกิจ SME (มีต่อ)

เนื่องจากเป็นสายเลือดใหญ่ในการพัฒนาประเทศซึ่งอุตสหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม SME กำลังเผชิญปัญหา จำนวนคู่แข่งและสินค้าล้นตลาด ดังนั้นธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถขององค์กรต่างๆ ในการคิดบริหารสถานการณ์ของการแข่งขัน เพื่อรับมือต่อสู้ตลาดโลกไร้พรมแดน ทั้งในเรื่องการทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำและคุณภาพสูงทั้งนี้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ต้องรู้จักหัดวางแผนเฃิงกลยุทธ์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกับการวางแผนโดยทั่วไป (มีต่อ)

กล่าวคือ ผู้ประกอบการต้องมีความรู้เกื่ยวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคม การเมือง อุตสกรรมตลอดจนคู่แข่งที่ส่งผลกระทบทางธุรกิจในลักษณะที่เป็นทั้งโอกาสและภยันอันตราย การบริหารเชิงกลยุทธ์จะประสบความสำเร็จ หมายถึงการมีทิศทาง หรือแผนกลยุทธ์ที่ดีมีความเหมาะสม ทั้งในด้านสาระเรื่องเวลา และตั้งอยู่ในพื้นฐานแห่งความชำนาญของตัวเองเป็นที่ตั้ง (มีต่อ)

ทั้งนี้กุญแจหลักที่เป็นตัวกำหนดให้การบริหารเชิงกลยุทธ์ประสบความสำเร็จอยู่ที่นักวางแผนกลยุทธ์ที่ดี ซึ่งจะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ และสามารถจะปฎิบัติให้เป็นรูปธรรมในเวลาเดียวกัน ควบคู่กับการมีบริษัทที่ดีมีแผนกลยุทธ์ และมีแนวทางการปฎิบัติเหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นไปได้ เพื่อนำธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต