"ยูนิฟ" เปิดโรงงานใหม่มั่นใจอุตฯ อาหารเครื่องดื่มในไทยมีอนาคต / จุฑาทิพย์ ปาละ

By: จุฑาทิพย์ ปาละCall Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): อุตสาหกรรมอาหาร | เครื่องดื่ม | SCI-TECH | ไทย -- อุตสาหกรรม In: ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ปีที่ 6 ฉบับที่ 4 (เมษายน 2542) หน้า 46 - 49Summary: บริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเพรสซิเดนท์ ที่ได้ก้าวเข้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2539 เพื่อเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผักและน้ำผลไม้ภายใต้ตราสินค้า "ยูนิฟ" และได้ประสบความสำเร็จในตลาดประเทศไทย จนส่งผลให้มียอดจำหน่ายน้ำผักน้ำผลไม้ติดอันดับ 2 ในประเทศ ได้เปิดโรงงานอย่างเป็นทางการในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2542 โดยมี ปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นเกียรติในการเปิดโรงงาน มีมูลค่าการลงทุนกว่า 700 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 502 ถ.พระประโทน บ้านแพ้ว อ.เมือง จ.นครปฐม บนพื้นที่ 73 ไร่ มีอาเธอร์ วู เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแนวคิดในการผลิตสินค้าแบบ "ธรรมชาติและสุขภาพ" (Green & Health) คำว่าธรรมชาติและสุขภาพมีความหมาย คือ ธรรมชาติชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากสินค้าที่ผลิตขึ้นจากผลผลิตธรรมชาติผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สำหรับคำว่า สุขภาพเป็นการสะท้อนถึงจุดยืนของบริษัทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค สินค้าของยูนิฟได้วางจำหน่ายในท้องตลาดกว่า 14 ชนิด แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่ (มีต่อ)Summary: 1. น้ำผักผสมผลไม้ เป็นน้ำผักผสมผลไม้ที่สร้างความสดชื่นด้วยรสชาติผลไม้แท้พร้อมคุณค่าทางโภชนาการ 2. น้ำผลไม้ 100% ประกอบด้วยรสชาติของผลไม้ พร้อมเนื้อผลไม้สด ไม่ใส่สี กลิ่นและวัตถุกันเสีย 3. ชาผสมน้ำผลไม้ สร้างความกระปรี้กระเปร่าด้วยเครื่องดื่มชาผสมผลไม้สด 4. กาแฟ จะเน้นให้มีกลิ่น รสนุ่มนวล 5. เครื่องดื่มแบบไทยๆ เช่น เฉาก๊วย กระบวนการผลิต เน้นกระบวนการด้านความสะอาดถูกหลักอนามัยเป็นหลัก ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจะทำการซื้อในประเทศและต่างประเทศ โรงงานมีสายการผลิตทั้งสิ้น 4 ไลน์ มีกำลังผลิตสูงสุด 785,000 กล่อง/เดือน ครองส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับสองในจำนวนผู้ผลิตทั้งหมด 90 ยี่ห้อซึ่งรองจากทิปโก้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 24% ในปีพ.ศ. 2542 จะมีการวางตลาดผลิตภัณฑ์ยูนิฟบรรจุภัณฑ์แบบกล่องกระดาษรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น โดยการบรรจุในกล่องกระดาษแบบใหม่เป็น UHT ที่มีขนาดบรรจุ 1 ลิตร และคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้กับบริษัทได้สูงขึ้นอีกอย่างน้อย 50% จากปี 2541 ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำผักผลไม้ตรา "ยูนิฟ" ในประเทศไทยกลายเป็นศูนย์ส่งออกที่สำคัญในตลาดเอเชียและในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สิ้นค้ายูนิฟจะพยายามครองส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ1 ให้ได้ ขณะนี้มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

บริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเพรสซิเดนท์ ที่ได้ก้าวเข้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2539 เพื่อเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผักและน้ำผลไม้ภายใต้ตราสินค้า "ยูนิฟ" และได้ประสบความสำเร็จในตลาดประเทศไทย จนส่งผลให้มียอดจำหน่ายน้ำผักน้ำผลไม้ติดอันดับ 2 ในประเทศ ได้เปิดโรงงานอย่างเป็นทางการในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2542 โดยมี ปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นเกียรติในการเปิดโรงงาน มีมูลค่าการลงทุนกว่า 700 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 502 ถ.พระประโทน บ้านแพ้ว อ.เมือง จ.นครปฐม บนพื้นที่ 73 ไร่ มีอาเธอร์ วู เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแนวคิดในการผลิตสินค้าแบบ "ธรรมชาติและสุขภาพ" (Green & Health) คำว่าธรรมชาติและสุขภาพมีความหมาย คือ ธรรมชาติชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากสินค้าที่ผลิตขึ้นจากผลผลิตธรรมชาติผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สำหรับคำว่า สุขภาพเป็นการสะท้อนถึงจุดยืนของบริษัทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค สินค้าของยูนิฟได้วางจำหน่ายในท้องตลาดกว่า 14 ชนิด แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่ (มีต่อ)

1. น้ำผักผสมผลไม้ เป็นน้ำผักผสมผลไม้ที่สร้างความสดชื่นด้วยรสชาติผลไม้แท้พร้อมคุณค่าทางโภชนาการ 2. น้ำผลไม้ 100% ประกอบด้วยรสชาติของผลไม้ พร้อมเนื้อผลไม้สด ไม่ใส่สี กลิ่นและวัตถุกันเสีย 3. ชาผสมน้ำผลไม้ สร้างความกระปรี้กระเปร่าด้วยเครื่องดื่มชาผสมผลไม้สด 4. กาแฟ จะเน้นให้มีกลิ่น รสนุ่มนวล 5. เครื่องดื่มแบบไทยๆ เช่น เฉาก๊วย กระบวนการผลิต เน้นกระบวนการด้านความสะอาดถูกหลักอนามัยเป็นหลัก ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจะทำการซื้อในประเทศและต่างประเทศ โรงงานมีสายการผลิตทั้งสิ้น 4 ไลน์ มีกำลังผลิตสูงสุด 785,000 กล่อง/เดือน ครองส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับสองในจำนวนผู้ผลิตทั้งหมด 90 ยี่ห้อซึ่งรองจากทิปโก้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 24% ในปีพ.ศ. 2542 จะมีการวางตลาดผลิตภัณฑ์ยูนิฟบรรจุภัณฑ์แบบกล่องกระดาษรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น โดยการบรรจุในกล่องกระดาษแบบใหม่เป็น UHT ที่มีขนาดบรรจุ 1 ลิตร และคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้กับบริษัทได้สูงขึ้นอีกอย่างน้อย 50% จากปี 2541 ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำผักผลไม้ตรา "ยูนิฟ" ในประเทศไทยกลายเป็นศูนย์ส่งออกที่สำคัญในตลาดเอเชียและในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สิ้นค้ายูนิฟจะพยายามครองส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ1 ให้ได้ ขณะนี้มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท