การปฏิรูประบบบริหารและการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ / ธเนศ ขำเกิด
Call Number: INDEX Material type: ArticleSubject(s): SCI-TECH | พระราชบัญญัติการศึกษา | การศึกษา, การปฏิรูป In: ส่งเสริมเทคโนโลยี ปีที่ 26 ฉบับที่ 149 (กุมภาพันธ์-มีนาคม 2543) หน้า 154 - 156Summary: พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับ (20 สิงหาคม 2542) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ.2540 อันเป็นกฎหมายของประชาชนฉบับแรกซึ่งเป็นทั้งนโยบาย คู่มือ แนวปฏิบัติที่ทุกคนทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้ได้ กลไกสำคัญในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ คือ การปฏิรูประบบบริหารและการจัดการ ที่ปรากฎในหมวดที่ 5 ของพระราชบัญญัติ ซึ่งมีจุดเน้นแนวคิดและแนวปฏิบัติที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้ 1.การกระจายอำนาจทางการศึกษา (decentralization of education) (มีต่อ)Summary: 2.การบริหารจัดการโดยยึดสถานศึกษาเป็นฐานการบริหาร (School-Based Management : SBM) 3.การมีส่วนร่วมและการร่วมคิดร่วมทำ (participation & collaboration) 4.การแสดงความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (accountability) 5.คณะกรรมการสถานศึกษา 6.ธรรมนูญโรงเรียน (School charter) การฏิรูประบบบริหารและการจัดการศึกษาทั้งระบบ บนพื้นฐานความคิดในเรื่องการกระจายอำนาจทางการศึกษา การใช้สถานศึกษาเป็นฐานในการบริหาร การมีส่วนร่วมคิดร่วมทำและการแสดงความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (มีต่อ)Summary: เพื่อสร้างเอกภาพบนความหลากหลายตามหลักพหุเอกานิยมดังกล่าว ที่มีระบบกำกับติดตามประเมินผลปรับปรุงพัฒนา และการสร้างขวัญกำลังใจที่ชัดเจนควบคู่ไปด้วย ดังที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ในเรื่องมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา การส่งเสริมพัฒนาวิชาชีพครู การออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ การออกกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน และค่าตอบแทนต่างๆ ก็น่าจะช่วยเสริมให้การปฏิรูปการศึกษาบังเกิดผลดีและมีความหวังมากขึ้นพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับ (20 สิงหาคม 2542) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ.2540 อันเป็นกฎหมายของประชาชนฉบับแรกซึ่งเป็นทั้งนโยบาย คู่มือ แนวปฏิบัติที่ทุกคนทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้ได้ กลไกสำคัญในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ คือ การปฏิรูประบบบริหารและการจัดการ ที่ปรากฎในหมวดที่ 5 ของพระราชบัญญัติ ซึ่งมีจุดเน้นแนวคิดและแนวปฏิบัติที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้ 1.การกระจายอำนาจทางการศึกษา (decentralization of education) (มีต่อ)
2.การบริหารจัดการโดยยึดสถานศึกษาเป็นฐานการบริหาร (School-Based Management : SBM) 3.การมีส่วนร่วมและการร่วมคิดร่วมทำ (participation & collaboration) 4.การแสดงความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (accountability) 5.คณะกรรมการสถานศึกษา 6.ธรรมนูญโรงเรียน (School charter) การฏิรูประบบบริหารและการจัดการศึกษาทั้งระบบ บนพื้นฐานความคิดในเรื่องการกระจายอำนาจทางการศึกษา การใช้สถานศึกษาเป็นฐานในการบริหาร การมีส่วนร่วมคิดร่วมทำและการแสดงความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (มีต่อ)
เพื่อสร้างเอกภาพบนความหลากหลายตามหลักพหุเอกานิยมดังกล่าว ที่มีระบบกำกับติดตามประเมินผลปรับปรุงพัฒนา และการสร้างขวัญกำลังใจที่ชัดเจนควบคู่ไปด้วย ดังที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ในเรื่องมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา การส่งเสริมพัฒนาวิชาชีพครู การออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ การออกกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน และค่าตอบแทนต่างๆ ก็น่าจะช่วยเสริมให้การปฏิรูปการศึกษาบังเกิดผลดีและมีความหวังมากขึ้น