เชื้อเพลิงจากทะเล

ในขณะนี้ ญี่ปุ่นและสหรัฐแถบตะวันตกกำลังเก็บเกี่ยวสาหร่ายทะเลเคลพ์เพื่อใช้ในการต่างๆ ในบางกรณี เครื่องมือลักษณะคล้ายๆ กับเครื่องตัดหญ้าใต้น้ำ จะตัดสาหร่ายทะเลเคลพ์เมื่อมีขนาดพอเหมาะที่จะเก็บเกี่ยวได้ สาหร่ายทะเลยักษ์นี้ถูกนำไปใช้ในการผลิตยา อาหาร สารผสมอาหาร พลาสติกใยสังเคราะห์ขี้ผึ้ง และน้ำมันหล่อลื่น เมื่อถูกเก็บเกี่ยวเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง เคลพ์ จะถูกอบให้แห้ง และผ่านกระบวนการทางเคมี ซึ่งอาจจะทำในโรงงานลอยน้ำในมหาสมุทร (มีต่อ)

จากนั้นเชื้อเพลิงที่ได้ จะถูกส่งไปยังฝั่งโดยเรือบรรทุกเชื้อเพลิง แม้ว่ามหาสมุทรจะมีพื้นที่ไม่สมบูรณ์อยู่มาก แต่มหาสมุทรก็มีศักยภาพสูงมากอย่างชัดเจน ดังนั้นความสนใจในไร่พลังงานจากน้ำ จึงไม่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ หนึ่งในหน่วยวิจัยที่กำลังสนใจ "ไร่มหาสมุทร" (Ocean Farming) เพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงคือ ยูไนเต็ด แอร์คราฟต์ รีเสิร์ช แลบโบระโทริ (United Aircraft Research Laboratory) หน่วยวิจัยนี้ก็เลือกเอาสาหร่ายทะเลยักษ์เคลพ์เป็นพืชทดลอง (มีต่อ)

และบริเวณที่ "ทำไร่" คือพื้นที่แถบหนึ่งขนาด 250,000ตารางไมล์ ในทะเลนอกฝั่งตะวันตกของสหรัฐ การเพาะเคลพ์จะเริ่มที่ตอนเหนือสุดของไร่มหาสมุทรในพื้นที่เป็นแถบยาว 80ไมล์ ทางตะวันออกและตะวันตก กระแสน้ำตอนใต้ที่เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ก็จะพัดพาเอาเคลพ์ที่กำลังเจริญเติบโตไปสู่ "แถบเก็บเกี่ยว" นอกเขตเม็กซิโกในเวลาอีกประมาณสิบแปดเดือน คาดกันว่าจะเป็นผลผลิตที่ไม่สูงนักแต่จากพื้นที่หลายเอเคอร์ จะทำให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอ (มีต่อ)

เป็นพลังงานประมาณสองเปอร์เซนต์ ของปริมาณพลังงานที่ใช้ในสหรัฐขณะนี้ ราคาประมาณของเชื้อเพลิงเคลพ์ต่อล้านบีทียู คือ 4.85 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าของถ่านหินหลายเท่า นอกเหนือไปจากโครงการในมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว คณะของยูไนเตด แอร์คราฟต์ก็กำลังพิจารณาโครงการที่สดใสยิ่งขึ้นไปอีกในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยการย้ายไปที่ทะเลซากัสโซ แห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอันร่ำลือ ประเทศสหรัฐได้อาศัยทะเลอยู่แล้วในด้านอาหารเป็นปริมาณมาก (มีต่อ)

เพื่อให้ได้ปลาสาหร่ายทะเลและชีวิตทะเลอื่นๆ ผลของการทำไร่เคลพ์หรือสาหร่ายในระดับใหญ่ เพื่อการผลิตพลังงานจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครทราบและจะต้องพิจารณากันอย่างระมัดระวังการผลิตพืชไร่บนบก ก็เป็นการยากอยู่แล้วในเรื่องการควบคุมศัตรูพืช ปัญหานี้คงจะยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีกมากในสภาวะแวดล้อมที่เป็นน้ำและเป็นแบบสามมิติ