การติดผลของมะม่วง / เกษม พวงจิก

By: เกษม พวงจิกCall Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): SCI-TECH | มะม่วง In: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีที่8 ฉบับที่ 1(มกราคม - มิถุนายน 2543) หน้า 44-45Summary: ในปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนสามารถบังคับให้มะม่วงออกดอกตามช่วงเวลาที่ต้องการได้ ทั้งในฤดูกาลและนอกฤดูกาลโดยใช้สารชะลอการเจริญเติบโต แต่ปัญหาที่สำคัญคือ เมื่อมะม่วงออกดอกแล้วไม่ค่อยติดผลหรือติดผลน้อย ปกติมะม่วงสามารถติดผลได้หลายผลในหนึ่งช่อ แต่พบว่าดอกสมบูรณ์เพศ (มีต่อ)Summary: และผลมะม่วงที่ยังอ่อนมีการร่วงสูงประมาณ 99-90 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่ผลจะเจริญเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้ การติดผลคือการเจริญเติบโตและการพัฒนาของรังไข่หลังจากดอกบานแล้วต้องได้รับการถ่ายละอองเกสร (Pollination) คือการนำเกสรเพศผู้ไปตกลงบนยอดเกสรเพศเมียมีการงอกของละอองเกสรเพศผู้ เพื่อเข้าไปผสมกับไข่ในรังไข่ (มีต่อ)Summary: และมีการปฏิสนธิ (Fercilization) เกิดตามมาจึงทำให้มีการติดผลขึ้นถ้าดอกสมบูรณ์เพศไม่ได้รับการผสมและการปฏิสนธิ ก็จะหลุดร่วงหลังจากดอกบานแล้วหรืออาจติดเป็นผลได้แต่เป็นผลที่ไม่สมบูรณ์ผลมีอกเป็นร่องถ้าผ่าดูจะไม่พบเมล็ดอยู่ภายในแล้วก็หลุดร่วงต่อไป ปกติตามธรรมชาติดอกสมบูรณ์เพศของมะม่วงจะพัฒนาไปเป็นผลแก่ได้น้อยมาก (มีต่อ)Summary: เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการติดผลของมะม่วง เช่น 1.สัดส่วน 2. การผสมเกสร 3. ความสมบูรณ์ของต้นกับการให้น้ำและธาตุอาหาร 4. โรคและแมลงศัตรูมะม่วง 5. สภาพแวดล้อม 6. ระดับฮอร์โมนภายในต้น 7. ปัจจัยอื่นที่มีต่อการติดผล เช่น พันธุ์มะม่วง วัชพืช เป็นต้น การแก้ไขปัญหาการติดผลมะม่วงนั้น ต้องทำให้ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วสมบูรณ์มากที่สุด มะม่วงก็จะติดผลได้ดีขึ้น
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

ในปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนสามารถบังคับให้มะม่วงออกดอกตามช่วงเวลาที่ต้องการได้ ทั้งในฤดูกาลและนอกฤดูกาลโดยใช้สารชะลอการเจริญเติบโต แต่ปัญหาที่สำคัญคือ เมื่อมะม่วงออกดอกแล้วไม่ค่อยติดผลหรือติดผลน้อย ปกติมะม่วงสามารถติดผลได้หลายผลในหนึ่งช่อ แต่พบว่าดอกสมบูรณ์เพศ (มีต่อ)

และผลมะม่วงที่ยังอ่อนมีการร่วงสูงประมาณ 99-90 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่ผลจะเจริญเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้ การติดผลคือการเจริญเติบโตและการพัฒนาของรังไข่หลังจากดอกบานแล้วต้องได้รับการถ่ายละอองเกสร (Pollination) คือการนำเกสรเพศผู้ไปตกลงบนยอดเกสรเพศเมียมีการงอกของละอองเกสรเพศผู้ เพื่อเข้าไปผสมกับไข่ในรังไข่ (มีต่อ)

และมีการปฏิสนธิ (Fercilization) เกิดตามมาจึงทำให้มีการติดผลขึ้นถ้าดอกสมบูรณ์เพศไม่ได้รับการผสมและการปฏิสนธิ ก็จะหลุดร่วงหลังจากดอกบานแล้วหรืออาจติดเป็นผลได้แต่เป็นผลที่ไม่สมบูรณ์ผลมีอกเป็นร่องถ้าผ่าดูจะไม่พบเมล็ดอยู่ภายในแล้วก็หลุดร่วงต่อไป ปกติตามธรรมชาติดอกสมบูรณ์เพศของมะม่วงจะพัฒนาไปเป็นผลแก่ได้น้อยมาก (มีต่อ)

เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการติดผลของมะม่วง เช่น 1.สัดส่วน 2. การผสมเกสร 3. ความสมบูรณ์ของต้นกับการให้น้ำและธาตุอาหาร 4. โรคและแมลงศัตรูมะม่วง 5. สภาพแวดล้อม 6. ระดับฮอร์โมนภายในต้น 7. ปัจจัยอื่นที่มีต่อการติดผล เช่น พันธุ์มะม่วง วัชพืช เป็นต้น การแก้ไขปัญหาการติดผลมะม่วงนั้น ต้องทำให้ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วสมบูรณ์มากที่สุด มะม่วงก็จะติดผลได้ดีขึ้น