Distribution Network เครือข่ายกระจายสินค้าไทยในต่างประเทศ
Call Number: INDEX Material type:
ArticleSubject(s): การค้าระหว่างประเทศ | SCI-TECH | การค้า
In:
ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 (กุมภาพันธ์ 2543) หน้า 42-44Summary: ปัจจุบันนโยบายส่งเสริมการส่งออกสินค้าของรัฐบาล ได้รับการตอบ-รับจากหลายส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าแข่งขันบนเวทีการค้าโลกภายใต้กลไกตลาดการค้าเสรี ทั้งนี้เพราะรัฐบาลได้นำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เริ่มจากโครงการสัญลักษณ์แบรนด์สินค้าไทย (มีต่อ)Summary: ตามด้วยโครงการเครือข่ายการะจายสินค้าในต่างประเทศหรือที่เรียกกันว่า Distribution Network ซึ่งจัดแสดงพร้อมจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศกว่า 10 ประเทศ สำหรับกิจกรรมที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะต้องทำในโครงการเครือข่ายกระจายสินค้าคือ การจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการส่งเสริมการส่งออก การสร้างแบรนด์ในต่างประเทศ ประชาสัมพันธ์โครงการทั้งในและต่างประเทศ (มีต่อ)Summary: ประสานงานกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในการจัดเตรียมข้อมูลและอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศเป็นการเบื้องต้น นอกจากนี้ต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดเป็นอย่างดี มีความตั้งใจทำการส่งเสริมการขายสำหรับสินค้า Bran Name ของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอย่างจริงจัง (มีต่อ)Summary: จัดทำแผนการตลาดระยะสั้นๆ กลาง ยาว นำเสนอประกอบการพิจารณาและมีบริการให้คำแนะนำสินค้าและบริการหลังการขาย ในของค่าใช้จ่ายที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะให้การสนับสนุนคือ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมเดินทางเจาะตลาด การเข้าร่วมแสดงสินค้าในรายบริษัท ทั้งนี้จะต้องไม่ซับซ้อนกับกิจกรรมของกรมส่งเสริมการส่งออก สำหรับบริษัทที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการ (มีต่อ)Summary: จะต้องทดลองจ่ายค่าใช้จ่าย ตามโครงการสนับสนุนไปก่อนหลังจากปฏิบัติงานเสร็จตามโครงการแล้ว ให้นำหลักฐานต่างๆ ประกอบด้วยเรื่องอนุมัติโครงการ ใบเสร็จรับเงินของค่าใช้จ่ายตามที่โครงการสนับสนุนผลการปฏิบัติงาน ยื่นต่อฝ่ายคลัง กรมส่งเสริมการส่งออกอีกทีหนึ่ง สิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ส่งออกจะต้องปฏิบัติคือการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศต่างๆ อย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน อินเดีย ฝรั่งเศส เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย
ปัจจุบันนโยบายส่งเสริมการส่งออกสินค้าของรัฐบาล ได้รับการตอบ-รับจากหลายส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าแข่งขันบนเวทีการค้าโลกภายใต้กลไกตลาดการค้าเสรี ทั้งนี้เพราะรัฐบาลได้นำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เริ่มจากโครงการสัญลักษณ์แบรนด์สินค้าไทย (มีต่อ)
ตามด้วยโครงการเครือข่ายการะจายสินค้าในต่างประเทศหรือที่เรียกกันว่า Distribution Network ซึ่งจัดแสดงพร้อมจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศกว่า 10 ประเทศ สำหรับกิจกรรมที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะต้องทำในโครงการเครือข่ายกระจายสินค้าคือ การจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการส่งเสริมการส่งออก การสร้างแบรนด์ในต่างประเทศ ประชาสัมพันธ์โครงการทั้งในและต่างประเทศ (มีต่อ)
ประสานงานกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในการจัดเตรียมข้อมูลและอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศเป็นการเบื้องต้น นอกจากนี้ต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดเป็นอย่างดี มีความตั้งใจทำการส่งเสริมการขายสำหรับสินค้า Bran Name ของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอย่างจริงจัง (มีต่อ)
จัดทำแผนการตลาดระยะสั้นๆ กลาง ยาว นำเสนอประกอบการพิจารณาและมีบริการให้คำแนะนำสินค้าและบริการหลังการขาย ในของค่าใช้จ่ายที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะให้การสนับสนุนคือ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมเดินทางเจาะตลาด การเข้าร่วมแสดงสินค้าในรายบริษัท ทั้งนี้จะต้องไม่ซับซ้อนกับกิจกรรมของกรมส่งเสริมการส่งออก สำหรับบริษัทที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการ (มีต่อ)
จะต้องทดลองจ่ายค่าใช้จ่าย ตามโครงการสนับสนุนไปก่อนหลังจากปฏิบัติงานเสร็จตามโครงการแล้ว ให้นำหลักฐานต่างๆ ประกอบด้วยเรื่องอนุมัติโครงการ ใบเสร็จรับเงินของค่าใช้จ่ายตามที่โครงการสนับสนุนผลการปฏิบัติงาน ยื่นต่อฝ่ายคลัง กรมส่งเสริมการส่งออกอีกทีหนึ่ง สิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ส่งออกจะต้องปฏิบัติคือการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศต่างๆ อย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน อินเดีย ฝรั่งเศส เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย