"โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 โดยการนำพลังงานทดแทนมาใช้เพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"

Call Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): SCI-TECH | โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ In: นโยบายพลังงาน ฉบับที่ 46 (ตุลาคม - ธันวาคม 2542) หน้า 3-12Summary: นับจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ตลอดระยะเวลาอันยาวนานมาถึง 52ปี จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร และทรงมีพระราชดำริที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้เกิดความ "พออยู่พอกิน" การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีหลักการสำคัญคือ 1.การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 2.การพัฒนาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตามลำดับความจำเป็นและประหยัด (มีต่อ)Summary: 3.การพึ่งตนเอง 4.การส่งเสริมความรู้และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสม 5.การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ 6.การส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั่น พระองค์จะทรงคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางด้านภูมิศาสตร์และสังคมวิทยาของแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกันด้วยเสมอ ด้วยหลักการและแนวทางดังกล่าวพระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริให้มี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ จำนวน 6 ศูนย์ (มีต่อ)Summary: ดังนี้ 1.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา 2.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี 3.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร 4.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ 5.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส 6.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ คณะกรรมาธิการพลังงานสภาผู้แทนราษฎรจึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาพระราชดำริ (กปร.) (มีต่อ)Summary: และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนง.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ตลอดจนหน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนจัดทำโครงการพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานรูปอื่น ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟ้า หรือค่าเชื้อเพลิงอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสาธิตการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและไม่มีวันหมดสิ้นสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานแทนพลังงานสิ้นเปลือง ซึ่งหมายถึง ถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

นับจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ตลอดระยะเวลาอันยาวนานมาถึง 52ปี จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร และทรงมีพระราชดำริที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้เกิดความ "พออยู่พอกิน" การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีหลักการสำคัญคือ 1.การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 2.การพัฒนาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตามลำดับความจำเป็นและประหยัด (มีต่อ)

3.การพึ่งตนเอง 4.การส่งเสริมความรู้และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสม 5.การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ 6.การส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั่น พระองค์จะทรงคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางด้านภูมิศาสตร์และสังคมวิทยาของแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกันด้วยเสมอ ด้วยหลักการและแนวทางดังกล่าวพระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริให้มี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ จำนวน 6 ศูนย์ (มีต่อ)

ดังนี้ 1.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา 2.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี 3.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร 4.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ 5.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส 6.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ คณะกรรมาธิการพลังงานสภาผู้แทนราษฎรจึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาพระราชดำริ (กปร.) (มีต่อ)

และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนง.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ตลอดจนหน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนจัดทำโครงการพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานรูปอื่น ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟ้า หรือค่าเชื้อเพลิงอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสาธิตการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและไม่มีวันหมดสิ้นสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานแทนพลังงานสิ้นเปลือง ซึ่งหมายถึง ถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ