การพัฒนาวิธีเอนไซม์อิมมูโนแอสเสย์ขั้นตอนเดียวเพื่อตรวจหาแอนติเจนชนิดผิวของไวรัสตับอักเสบบีโดยใช้โมโนโคลนอล แอนติบอดี / นงลักษณ์ พุทธิรักษ์กุล ... [และคนอื่นๆ]

Contributor(s): นงลักษณ์ พุทธิรักษ์กุลCall Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): SCI-TECH | อิมโมนูแอสเสย์ | แอนติเจน | ไวรัสตับอักเสบบี -- วิจัย In: วิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่ 14 ฉบับที่ 1 (มีนาคม 2543) หน้า 19-26Summary: การพัฒนาวิธีเอนไซม์อิมมูโนแอสเสย์ขั้นตอนเดียว (one-stop ELISA) เพื่อตรวจหาแอนติเจนชนิดผิวของไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) ในซีรัม ทำโดยใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดี (monoclonal antibody) ที่จำเพาะต่อ "a" determinant ซึ่งผลิตโดยการเชื่อมเซลล์มัยอีโลมา (P3-X63-Ag 8.653) กับเซลล์ม้ามของหนู BALB/C ซึ่งฉีดกระตุ้นด้วย (มีต่อ)Summary: วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีสายพันธุ์ย่อย (subtype) adr และเปรียบเทียบผลการตรวจโดยวิธีที่พัฒนาขึ้นนี้กับวิธี ELISA ของน้ำยาตรวจสำเร็จรูป Sanofi Pasteur โดยทดสอบกับซีรัมจำนวน 447ราย ที่ทราบผลการตรวจ HBsAg ด้วยน้ำยาตรวจสำเร็จรูป Abbott แล้ว (ผลบวก 245ราย ผลลบ202ราย) วิธีที่พัฒนาขึ้นตรวจพบ (มีต่อ)Summary: ผลบวก 233ราย ขณะที่วิธี ELISA ของน้ำยาตรวจสำเร็จรูปตรวจพบ 245ราย การตรวจหา HBsAg โดยวิธีที่พัฒนาขึ้นมามีความไวร้อยละ 95.1 ความจำเพาะร้อยละ 100 และความถูกต้องร้อยละ 97.3 โดยมีค่าการคาดคะเนบวกร้อยละ 100 และมีค่าการคาดคะเนลบร้อยละ 94.4 เมื่อเทียบกับน้ำยาสำเร็จรูป Sanofi Pasteur วิธีที่พัฒนาขึ้น (มีต่อ)Summary: ใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะสูง และลดขั้นตอนการวิเคราะห์เป็นการวิเคราะห์แบบขั้นตอนเดียว จึงมีประโยชน์เหมาะสำหรับการตรวจตัวอย่างจำนวนมาก และทำให้ตรวจได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาวิธีการตรวจหาแอนติเจนชนิดอื่นได้
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

การพัฒนาวิธีเอนไซม์อิมมูโนแอสเสย์ขั้นตอนเดียว (one-stop ELISA) เพื่อตรวจหาแอนติเจนชนิดผิวของไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) ในซีรัม ทำโดยใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดี (monoclonal antibody) ที่จำเพาะต่อ "a" determinant ซึ่งผลิตโดยการเชื่อมเซลล์มัยอีโลมา (P3-X63-Ag 8.653) กับเซลล์ม้ามของหนู BALB/C ซึ่งฉีดกระตุ้นด้วย (มีต่อ)

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีสายพันธุ์ย่อย (subtype) adr และเปรียบเทียบผลการตรวจโดยวิธีที่พัฒนาขึ้นนี้กับวิธี ELISA ของน้ำยาตรวจสำเร็จรูป Sanofi Pasteur โดยทดสอบกับซีรัมจำนวน 447ราย ที่ทราบผลการตรวจ HBsAg ด้วยน้ำยาตรวจสำเร็จรูป Abbott แล้ว (ผลบวก 245ราย ผลลบ202ราย) วิธีที่พัฒนาขึ้นตรวจพบ (มีต่อ)

ผลบวก 233ราย ขณะที่วิธี ELISA ของน้ำยาตรวจสำเร็จรูปตรวจพบ 245ราย การตรวจหา HBsAg โดยวิธีที่พัฒนาขึ้นมามีความไวร้อยละ 95.1 ความจำเพาะร้อยละ 100 และความถูกต้องร้อยละ 97.3 โดยมีค่าการคาดคะเนบวกร้อยละ 100 และมีค่าการคาดคะเนลบร้อยละ 94.4 เมื่อเทียบกับน้ำยาสำเร็จรูป Sanofi Pasteur วิธีที่พัฒนาขึ้น (มีต่อ)

ใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะสูง และลดขั้นตอนการวิเคราะห์เป็นการวิเคราะห์แบบขั้นตอนเดียว จึงมีประโยชน์เหมาะสำหรับการตรวจตัวอย่างจำนวนมาก และทำให้ตรวจได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาวิธีการตรวจหาแอนติเจนชนิดอื่นได้