000 04123nab a2200253 4500
001 vtls000001085
003 VRT
005 20231003150533.0
008 120521 1999 th br 0 0tha
035 _a0001-08660
039 9 _a201312191130
_bVLOAD
_c201310171013
_dartcharaporn
_c201207042125
_dVLOAD
_y201205211711
_zVLOAD
040 _aPBRU
090 _aINDEX
245 0 0 _aการตรวจวิเคราะห์แอนติบอดี ต่อนิวเคลียส โดยเทคนิค indirect immunofluorescent assay (IFA) และ indirect immunoperoxidase assay (IPA) /
_cธีรกุล อาภรณ์สุวรรณ ... [และคนอื่นๆ]
520 _aแอนติบอดีต่อนิวเคลียสเป็นคำที่ใช้อธิบายถึงลักษณะของออโตแอนติบอดี ต่อส่วนประกอบของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสารประกอบในนิวเคลียส เช่น DNA RNA และโปรตีนต่างๆของนิวเคลียส แอนติบอดีต่อนิวเคลียสสามารถตรวจพบบ่อยในผู้ป่วยโรค connective tissue หรือ rheumatic โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรค SLE (มีต่อ)
520 _aสำหรับวิธีการตรวจวิเคราะห์ แอนติบอดีต่อนิวเคลียส ได้มีการพัฒนามากมาย วิธีทีได้รับการยอมรับและนิยมใช้มากที่สุดคือ indirect immunofluorescent assay (IFA) ถึงแม้ว่าวิธี IFA จะเป็นที่ยอมรับในการตรวจ คัดกรองโรคแต่ห้องปฏิบัติการที่ไม่มีกลองฟลูออเรสเซนต์จะสามารถตรวจวิเคราะห์ ANA ได้โดยวิธี indirect (มีต่อ)
520 _aimmunoperoxidase assay (IPA) พบว่าคนปกติทั้งหมดให้ผลลบทั้งสองวิธี สำหรับผู้ป่วย 30 ราย ให้ผลบวกจำนวน 26 ราย และผลลบ 4 ราย ผลการตรวจ ANA ของทั้งสองวิธี ในคนไข้ที่ให้ผลบวกมีรูปแบบของ PNA เหมือนกันและไตเตอร์ที่เท่ากัน ยกเว้นคนไข้หนึ่งราย อ่านผลเป็น homogeneous และ Spectkled (วิธีIFA) ส่วนวิธี (มีต่อ)
520 _aIPA อ่านผลเป็น homogeneous แต่ทั้งสองวิธีให้ผลไตเตอร์เท่ากัน (1:160) เมื่อเปรียบเทียบ ผลของความจำเพาะ (รูปแบบ ANA) และความไว (ไตเตอร์สุดท้าย) ของทั้งสองวิธีนั้น วิธี IPA สามารถที่จะใช้ในการตรวจวินิจฉัย และติดตามการรักษาโรคออโตอิมมูน โดยเฉพาะในโรค systemic lupus erythrematosus (SLE)
650 4 _aSCI-TECH.
_9345
650 4 _aโรคออโตอิมมูน.
_92141
700 0 _aธีรกุล อาภรณ์สุวรรณ.
_92142
773 0 _tวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
_gปีที่ 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2542) หน้า 1-8
_x0858-4435
942 _cSERIALS
999 _aVIRTUA
_c1085
_d1085