000 | 04121nab a2200277 4500 | ||
---|---|---|---|
001 | vtls000000286 | ||
003 | VRT | ||
005 | 20231003150202.0 | ||
008 | 120521 1999 th gr 0 0tha d | ||
012 | _aJournal | ||
035 | _a0000-28760 | ||
039 | 9 |
_a201312191117 _bVLOAD _c201207042111 _dVLOAD _y201205211706 _zVLOAD |
|
040 | _aPBRU | ||
090 | _aINDEX | ||
100 | 0 |
_aวัฒนา จารณศรี. _9966 |
|
245 | 1 | 0 |
_aโรคขี้เรื้อนของสุนัข / _cวัฒนา จารณศรี |
520 | _aขี้เรื้อน เป็นโรคผิวหนัง แบบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจาก "ไรขี้เรื้อน" ที่มีขนาดเล็กมาก ไรดังกล่าว อาจจะอาศัย อยู่บน และ ในผิวหนังของสุนัข ขี้เรื้อนชนิดที่พบว่า มีการแพร่ระบาด อยู่ทั่วไปบนสุนัข ในประเทศไทย แบ่งออกได้ 3ประเภท คือ 1.ขี้เรื้อน ชนิด sarcoptic 2.ขี้เรื้อนชนิด demodectic หรือ follicular mange/red mange/demodicosis (มีต่อ) | ||
520 | _a3. ขี้เรื้อนที่เกิดจากไรชนิด cheyletiellฟ parasitovorax [Megnin] การป้องกัน โรคขี้เรื้อน ในสุนัข ขี้เรื้อน ส่วนใหญ่ จะติดต่อ โดยการสัมผัสโดยตรง กับสัตว์ป่วย ดังนั้นควรระวังสุนัขปกติ ไม่ให้สัมผัส กับสุนัขที่ป่วย เป็นโรคเรื้อน หรือเลี้ยงรวมกับ สุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้ ควรแยกสุนัขที่ป่วย ออกจากสุนัขปกติ และทำการรักษาให้หาย (มีต่อ) | ||
520 | _aการป้องกัน ไม่ให้สุนัข ป่วยเป็นขี้เรื้อน นอกจาก จะใช้หลักการสุขาภิบาล ที่ดีแล้ว ควรเลี้ยงสุนัข ด้วยอาหารที่ดี มีคุณภาพ และให้วิตามินเสริม เพื่อบำรุงผิวหนัง การอาบน้ำสุนัข ควรทำสัปดาห์ละครั้ง การอาบน้ำมากเกินไป ตลอดจน การใช้สบู่ แชมพู ไม่ถูกต้อง อาจทำให้สุนัข เป็นโรคเรื้อนได้ (มีต่อ) | ||
520 | _aการรักษา เมื่อพบว่าสุนัขเป็นโรคเรื้อน ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อจะได้ ตรวจสอบวินิฉัย ชนิดของโรคเรื้อน และให้การบำบัดรักษา ให้ถูกต้อง เมื่อได้รับ การบำบัดรักษา ตามคำแนะนำ ของสัตวแพทย์ จนหายขาดแล้ว ต้องดูแล ป้องกันไม่ให้ สุนัขติด ไรขี้เรื้อนอีก | ||
650 | 4 |
_aสุนัข _xโรค. _9967 |
|
650 | 4 |
_aโรคขี้เรื้อน _xสุนัข. _9968 |
|
650 | 4 |
_aSCI-TECH. _9345 |
|
773 | 0 |
_tกีฏและสัตววิทยา _gปีที่ 21 ฉบับที่ 1(มกราคม -มีนาคม 2542) หน้า 64 - 66 _x0125-3794 |
|
942 | _cSERIALS | ||
999 |
_c286 _d286 |