การชักนำการกลายพันธุ์มังคุด : ผลของสิ่งก่อกลายพันธุ์ต่อการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีและเนื้อเยื่อวิทยา / สมปอง เตชะโต, วิทยา พรหมมี

By: สมปอง เตชะโตContributor(s): วิทยา พรหมมีCall Number: INDEX Material type: ArticleArticleSubject(s): ชีวเคมี | มังคุด | เนื้อเยื่อพืช, การเพาะเลี้ยง | SCI-TECH In: สงขลานครินทร์ วทท ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มีนาคม 2542) หน้า 17 - 24Summary: นำแคลลัสที่ชักนำจากใบอ่อนสีม่วงแดงของมังคุดซึ่งเพาะเลี้ยงในหลอดทดลองมาฉายรังสีแกมมาและจุ่มแช่สารเคมีก่อกลายพันธุ์เอทชิลมีเธนซัลโฟเนต (EMS) ความเข้มข้นต่างๆ นำแคลลัสที่ผ่านการให้สิ่งก่อกลายพันธุ์ทั้งสองมาตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเยื่อวิทยา และชีวเคมีเพื่อหาความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อการชักนำการกลายพันธุ์ในมังคุด จากการศึกษาพบว่าแคลลัสที่ได้รับรังสีแกมมา 40 เกรย์ 2 ครั้ง มีจำนวนชั้น ของเซลอิฟิเดอมีสที่เกิดความเสียหายมากกว่าความเข้มข้นอื่นๆ ในขณะที่การใช้ EMS 0.50% เป็นเวลา 30 และ60 นาที ส่งผลให้เกิดความเสียหายชั้นของเซลล์อิฟิเดอมีสน้อยกว่า แต่เซลล์อิฟิเดอมีสชั้นแรกเกิดความเสียหายรุนแรงมากกว่า สำหรับแคลลัสที่ได้รับทั้งการฉายรังสีแกมมา 40 เกรย์2ครั้ง ร่วมกับการจุ่มแช่ EMS ความเข้มข้นและเวลาข้างต้น ส่งผลให้จำนวนชั้นของเซลล์อิฟิเดอมีสที่เสียหายมากกว่าการให้รังสีแกมมาและ EMS เพียงอย่างเดียว ระบบเอนไซม์เปอร์ออกซิเดทมีความเหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ตรวจสอบการกลายพันธุ์ของใบจากต้นมังคุดชั่วที1 และแคลลัสที่พัฒนาจากใบของต้นชั่ว1ทุกระดับความเข้ม ความแตกต่างของเอนไซม์เปอร์ออกซิเดส ระหว่างสิ่งก่อกลายพันธุ์ทั้งสองที่ตรวจพบมีทั้งรูปแบบ และความเข้มของไซโมกกรม แสดงว่า EMS ความเข้มข้น 0.5-1.0% และรังสีแกมมาความเข้ม 5-10เกรย์ สามารถชักนำการกลายพันธุ์จากแคลลัสมังคุดได้
Star ratings
    Average rating: 0.0 (0 votes)
No physical items for this record

นำแคลลัสที่ชักนำจากใบอ่อนสีม่วงแดงของมังคุดซึ่งเพาะเลี้ยงในหลอดทดลองมาฉายรังสีแกมมาและจุ่มแช่สารเคมีก่อกลายพันธุ์เอทชิลมีเธนซัลโฟเนต (EMS) ความเข้มข้นต่างๆ นำแคลลัสที่ผ่านการให้สิ่งก่อกลายพันธุ์ทั้งสองมาตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเยื่อวิทยา และชีวเคมีเพื่อหาความเข้มข้นที่เหมาะสมต่อการชักนำการกลายพันธุ์ในมังคุด จากการศึกษาพบว่าแคลลัสที่ได้รับรังสีแกมมา 40 เกรย์ 2 ครั้ง มีจำนวนชั้น ของเซลอิฟิเดอมีสที่เกิดความเสียหายมากกว่าความเข้มข้นอื่นๆ ในขณะที่การใช้ EMS 0.50% เป็นเวลา 30 และ60 นาที ส่งผลให้เกิดความเสียหายชั้นของเซลล์อิฟิเดอมีสน้อยกว่า แต่เซลล์อิฟิเดอมีสชั้นแรกเกิดความเสียหายรุนแรงมากกว่า สำหรับแคลลัสที่ได้รับทั้งการฉายรังสีแกมมา 40 เกรย์2ครั้ง ร่วมกับการจุ่มแช่ EMS ความเข้มข้นและเวลาข้างต้น ส่งผลให้จำนวนชั้นของเซลล์อิฟิเดอมีสที่เสียหายมากกว่าการให้รังสีแกมมาและ EMS เพียงอย่างเดียว ระบบเอนไซม์เปอร์ออกซิเดทมีความเหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ตรวจสอบการกลายพันธุ์ของใบจากต้นมังคุดชั่วที1 และแคลลัสที่พัฒนาจากใบของต้นชั่ว1ทุกระดับความเข้ม ความแตกต่างของเอนไซม์เปอร์ออกซิเดส ระหว่างสิ่งก่อกลายพันธุ์ทั้งสองที่ตรวจพบมีทั้งรูปแบบ และความเข้มของไซโมกกรม แสดงว่า EMS ความเข้มข้น 0.5-1.0% และรังสีแกมมาความเข้ม 5-10เกรย์ สามารถชักนำการกลายพันธุ์จากแคลลัสมังคุดได้